ระบบเลขฐานสิบ
เป็นระบบเลขที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะนำไปใช้คำนวณประเภทใด
โดยจะมีสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวเลขต่างๆ ของเลขฐานสิบ (Symbol)
จำนวน 10 ตัว ตัวเลขหรือที่เรียกว่า Digit ที่ใช้แทนระบบเลขฐานสิบ
ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9
เลขฐาน
10 |
0 |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
ตัวเลขแต่ละตัวจะมีค่าประจำตัว
โดยกำหนดให้ค่าที่น้อยที่สุด คือ 0 (ศูนย์) และเพิ่มค่าทีละหนึ่ง
จนครบจำนวน 10 ตัว ดังนั้นค่ามากที่สุด คือ 9 การนำตัวเลขเหล่านี้
มารวมกลุ่มกัน ทำให้เกิดความหมายเป็น "ค่า" นั้น อาศัยวิธีการกำหนด
"หลัก" ของตัวเลข (Position Notation) กล่าวคือ ค่าของตัวเลขจำนวนหนึ่ง
พิจารณาได้จากสองสิ่งคือ
- ค่าประจำตัวของตัวเลขแต่ละตัว
- ค่าหลักในตำแหน่งที่ตัวเลขนั้นปรากฎอยู่
ในระบบที่ว่าด้วยตำแหน่งของตัวเลข
ตำแหน่งที่อยู่ทางขวาสุด จะเป็นหลักที่มีค่าน้อยที่สุด เรียกว่า
Least Sinificant Digit (L S D) และตัวเลขที่อยู่ในหลักซ้ายสุดจะมีค่ามากที่สุด
เรียกว่า Most Sinificant Digit (M S D)
ค่าตัวเลข
1,545 |
Most
Sinificant Digit (M S D) |
|
|
Least
Sinificant Digit (L S D) |
1 |
5 |
4 |
5 |
นิยาม
ค่าหลักของตัวเลขใดๆ คือ
ค่าของฐานยกกำลังด้วยค่าประจำตำแหน่ง ของแต่ละหลัก โดยกำหนดให้ค่าประจำตำแหน่งของหลักของ
LSD มีค่าเป็น 0
ในระบบเลขฐานสิบ
จะมีสัญลักษณ์อยู่ 10 อย่าง คือ 0 - 9 จำนวนขนาดของเลขฐานสิบ
สามารถอธิบายได้ โดยใช้ตำแหน่งน้ำหนักของแต่ละหลัก (Postional
Weight) โดยพิจารณาจากเลข ดังต่อไปนี้
3472
สามารถขยายได้ดังนี้
3472
|
=
3000 + 400 + 70 + 2 |
=
(3 x 103) + (4 x 102) + (7 x 101)
+ (2 x 100) |
จะเห็นว่าน้ำหนักตามตำแหน่ง
ของตัวเลขต่างๆ สามารถขยายตามระบบจำนวนได้ และถูกแทนที่ด้วยสมการ
ดังต่อไปนี้
N
= dnRn + ... + d3R3
+ d2R2 + D1R1
+ D0R0
เมื่อ
N
|
คือ
ค่าของจำนวนฐานสิบที่ต้องการ |
dn |
คือ
ตัวเลขที่อยู่ในตำแหน่งต่างๆ |
R |
คือ
ฐานของจำนวนตัวเลขนั้นๆ |
n |
คือ
ค่ายกกำลังของฐานตามตำแหน่งต่างๆ |
ดังนั้น
1257
= |
1
x 103 |
+ |
2
x 102 |
+ |
5
x 101 |
+ |
7
x 100 |
เลขที่เป็นเศษส่วน
หรือจำนวนผสมนั้น ก็สามารถจะเขียนในรูป Positional Notation
ได้เช่นกัน โดยตัวเลขแต่ละหลัก จะอยู่ในตำแหน่งหลังจุดทศนิยม
กำลังของหลัก จะมีค่าเป็นลบ เริ่มจากลบ 1 เป็นต้นไป นับจากน้อยไปหามาก
ดังนั้นในระบบเลขฐานสิบ หลักแรกหลังจุดทศนิยม จะมีค่าเท่ากับ
เลขจำนวนนั้นคูณด้วย 10-1 ตัวที่สองจะเป็น -2
ไปเรื่อยๆ
456.395
= |
4
x 102 |
+ |
5
x 101 |
+ |
6
x 100 |
+ |
3
x 10-1 |
+ |
9
x 10-2 |
+ |
5
x 10-3 |
กฎการแทนตัวเลขนั้น
สามารถนำไปใช้กับระบบตัวเลขทั่วๆ ไปได้ โดยไม่คำนึงว่า เลขนั้นจะเป็นฐานอะไร
|