โรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน   อัตลักษณ์ : ลูกจักรคำฯ เป็นผู้นำสร้างสรรค์สังคม  ปรัชญาของโรงเรียน : การศึกษาเพื่อพัฒนาชีวิตและสังคม

 

 

 021268 1

 

 

     โรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน

ประกอบพิธีบวงสรวงและวางพวงมาลาสักการะ

พลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์

เพื่อรำลึกถึง คุณูปการที่ทำไว้ให้กับโรงเรียนจักรคำคณาทร และจังหวัดลำพูน

     วันนี้ 1 ธันวาคม 2568 เวลา 08.09 น. โรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน ได้ประกอบพิธีบวงสรวง และวางพวงมาลาสักการะ พลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ประจำปี 2568 โดยมีนายปรีชา สมชัย ปลัดจังหวัดลำพูน ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีบวงสรวงและวางพวงมาลาสักการะ และกล่าวคำสดุดีพลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ อีกทั้ง เจ้าวรเทวี ณ ลำพูน ตัวแทนทายาทสายสกุล ณ ลำพูน และผู้แทนจากหน่วยงานราชการในจังหวัดลำพูน ร่วมวางพวงมาลาเบื้องหน้าหน้าอนุสาวรีย์พลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ในโอกาสนี้คณะครู และนักเรียนร่วมกันฟ้อนถวายพลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เพื่อระลึกถึงพระคุณที่มีต่อโรงเรียนจักรคำคณาทร และจังหวัดลำพูน

พลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ พระนามเดิม เจ้าน้อยจักรคำ สมภพ ณ วันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีกุน สัปตศก ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2418 ที่คุ้มหลวงนครลำพูน เป็นโอรสองค์ที่ 3 ของเจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 9 กับเจ้าแม่รถแก้ว และเป็นราชนัดดาในเจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 7 กับแม่เจ้าปิมปา

เมื่อเจริญวัยได้ศึกษาอักขระสมัยไทยเหนือในคณะหลวง สำนักวัดพระธาตุหริภุญชัย และศึกษาหนังสือไทยในสำนักหลวงศรีทิพยบาล ต่อมาในปี พ.ศ. 2429 เมื่อชนมายุได้ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักหลวงศรีทิพยบาล อยู่ 6 พรรษา ระหว่างชนมายุได้ 26 ปี ได้ลงไปศึกษาวิชาการปกครองที่โรงเรียนวังหลังในกรุงเทพฯ ศึกษาอยู่นาน 2 ปี จึงกลับขึ้นมาทำราชการในสำนักของเจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าน้อยจักรคำ เริ่มรับราชการ ในปี พ.ศ. 2436 ในตำแหน่งเสมียนคลังเมืองลำพูน และรับราชการฉลองพระเดชพระคุณมีความดีความชอบมาโดยลำดับ ตั้งแต่ตำแหน่งพระยาวังขวา ทำหน้าที่เป็นเสนาคลัง เมืองลำพูน จนเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าบุรีรัตน์ ข้าหลวงผู้ช่วยราชการรั้งเจ้าผู้ครองนครลำพูน ครั้นเจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 9 ถึงแก่พิราลัย จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานสัญญาบัตรเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 ตามความในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 28 หน้า 1,811 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน ร.ศ. 130 ครั้นถึงปี พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขนานนามสกุลพระราชทานแก่ผู้ที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานเป็นครั้งที่ 9 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล “ณ ลำพูน”

     เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่เจ้าผู้ครองนครลำพูนได้อย่างมิขาดตกบกพร่อง พร้อมทั้งยังปฏิบัติราชการพิเศษสนองพระเดชพระคุณเป็นอย่างดี ทั้งยังได้บำเพ็ญกรณียกิจที่เป็นคุณประโยชน์แก่ประชาชนชาวลำพูนอีกมากมาย ทั้งด้านการพัฒนาจังหวัดลำพูนให้มีความเจริญก้าวหน้า ส่งเสริมการศึกษาให้ราษฎรชาวลำพูนได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนได้อย่างเท่าเทียม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและวัดวาอาราม ปกครองประชาชนให้มีความสุข มีกินมีใช้ มีสุขภาพอนามัยแข็งแรง ส่วนหนึ่งก็ด้วยการออกทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลืองานราชการต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้

1. ปี พ.ศ. 2460 บริจาคเงินปรับปรุง ซ่อมแซม อาคารศาลากลางจังหวัด จำนวน 6,000 บาท

2. ปี พ.ศ. 2462 บริจาคเงินสร้างสโมสรเสือป่า 1 หลัง เป็นเงิน 3,000 บาท

3. ปี พ.ศ. 2462 บริจาคสมทบทุนในการซื้อที่ดิน ณ บ้านสันดอนรอม ขยายพื้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดชาย ให้กว้างออกไป 1 ไร่ 1 งาน และจ้างช่างปลูกสร้างอาคารโรงเรียน 2 ชั้น ตามแบบกระทรวงธรรมการ กว้าง 10 เมตร ยาว 36 เมตร เป็นเงิน 4,000 บาท ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามโรงเรียนว่า “จักรคำคณาทร”

4. ปี พ.ศ. 2464 การบริจาคเงินสมทบทุนซื้อที่ดินและปลูกสร้างที่ทำการโอสถสภา 1 หลัง จำนวน 580 บาท

5. ปี พ.ศ. 2465 บริจาคเงินซื้อที่นา 156 ไร่ เป็นเงิน 1,176 บาท เพื่อสร้างสนามบินใช้ในราชการ

6. ปี พ.ศ. 2474 เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการรื้อทองจังโกหุ้มพระธาตุหริภุญชัยและปฏิสังขรณ์ใหม่โดยปิดทองหุ้มองค์พระธาตุ รวมเป็นเงิน 4,000 บาท

7. ปี พ.ศ. 2474 บูรณะและสร้างวัดขึ้นในบริเวณวัดร้างเดิม (กู่สิงห์ตอง) โดยได้สร้างศาลา วิหาร กุฏิ บ่อน้ำ รวมถึงสร้างพระพุทธรูปประธานขึ้นประดิษฐานในวิหารหลวงของวัด และตั้งชื่อวัดนี้ว่า "วัดจักรคำภิมุข" คิดเป็นเงินรวม 15,000 บาท

8. ปี พ.ศ. 2481 เป็นประธานฝ่านฆราวาสร่วมกับคณะสงฆ์ ในการขอพระราชทานถวานวัดพระธาตุหริภุญชัยซึ่งเป็นวัดราษฏร์ให้เป็นพระอารามหลวง

9. ปี พ.ศ. 2482 บริจาคเงินเป็นค่ารางวัลในงานฉลองรัฐธรรมนูญ เป็นเงิน 100 บาท เพื่อสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

10. ปี พ.ศ. 2483 บริจาคที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา ที่บ้านหนองเส้ง ให้เป็นพื้นที่สร้างโรงเรียนประจำจังหวัดชายแห่งใหม่ เป็นเงิน 2,000 บาท โดยสถานที่โรงเรียนเดิมก็เปลี่ยนให้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดสำหรับเด็กหญิง ชื่อ โรงเรียนสตรีลำพูน ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์

     เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ได้เริ่มประชวรด้วยโรคเนื้องอกในประเพาะปัสสาวะ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2486 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสรีเริงฤทธิ์ (โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่) ได้รักษาจนสุดความสามารถ จึงได้ถวายคำแนะนำให้เสด็จไปรักษาพระอาการ ณ โรงพยาบาลศิริราช ในกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับการดูแลจากคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และคณะรัฐมนตรี ต่างไปเยี่ยมอาการประชวรอยู่เสมอ

เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ทราบพระองค์ว่าอาการประชวรนี้ไม่อาจรักษาหายได้ จึงมีความประสงค์จะกลับมารับการรักษาที่คุ้มหลวงลำพูน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจึงให้จัดรถไฟขบวนพิเศษจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปส่งเสด็จถึงเมืองลำพูน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 และได้ถึงแก่พิราลัย ในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 เวลา 22.00 น. สิริชันษาได้ 69 ปี รวมระยะเวลาที่ทรงปกครองนครลำพูน 32 ปี คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ม.ร.ว.โป๊ะ ชาติเดชอุดม มาลากุล เลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้แทนรัฐบาลและผู้เชิญน้ำสุคนธ์ของหลวงไปพระราชทานอาบศพพร้อมด้วยพวงมาลาของหลวง และเครื่องประกอบเกียรติยศแห่งเจ้าผู้ครองนคร และพระราชทานเพลิง ณ สุสานบ้านหลวย จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2486

     พลตรี มหาอำมาตย์โท เจ้าจักรคำขจรศักดิ์นับว่าเป็นเจ้าผู้ครองนครฝ่ายเหนือพระองค์สุดท้ายที่ถึงแก่พิราลัย โดยหลังจากนั้นก็มิได้มีการแต่งตั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครในล้านนาอีกเลย จึงอาจนับได้ว่าเป็นการสิ้นสุดระบบเจ้าประเทศราชในล้านนาโดยสมบูรณ์

 

 

ดูภาพกิจกรรมเพิ่มเติม